Pages

Wednesday 7 November 2012

My hospital bag

กลับมารีวิวโพสต์ตัวเองหลังคลอด เห็นโพสต์นี้แล้วขำก๊ากเลยค่า นี่ฉันแบก (จริงๆ สามีเป็นคนแบก) ไอ้กระเป๋านี่ไปรพ.จริงๆหรือเนี่ย ฮ๋าๆๆ ของเยอะมาก ใช้จริงๆ ไม่เท่าไหร่เลยค่ะ ใครอยากรู้ว่าจริงๆแล้วได้ใช้อะไรไปบ้าง คลิกไปตามอ่าน ได้ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ ของที่ได้ใช้จริงๆ หลังคลอดจ้า

ได้อ่านกันไปแล้ว สำหรับรายการของที่มามี๊มือใหม่อย่างเราเตรียมไปคลอดน้องที่รพ. และของสำหรับเบบี๋หลังคลอด คราวนี้ก็เลยมาอัพเดทรูป "กองกระเป๋า" ให้ดูกันว่า มันบ้าหอบฟางได้โล่ห์ขนาดไหน

My hospital bags

Friday 2 November 2012

อาการคนท้อง 33 สัปดาห์

อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์มีความรู้ว่า ตัวใหญ่ยังกะแมวน้ำเกยตื้น จะขยับเขยื้อนไปไหนสักทีช่างยากลำบากเวลาเดินก็กะเผลกซ้ายที ขวาที ยังกับเป็ด มิน่าคุณสามีถึงเรียกเราว่า "ดั้กกี้" แทนที่จะเรียกเรา "เบ๊บ" เหมือนตะก่อน เปลี่ยนฉายาให้เราเสร็จสรรพ

ช่วงเวลาที่ทรมานที่สุด ต้องยกให้ตอนนอน พระเจ้าจอร์ช  ย้ายข้างทีน้ำตาแทบเล็ด ไม่ว่าจะตะแคงซ้าย หรือขวา เวลาพลิกตัวมันเจ็บระบมท้องไปหมด นอนไม่หลับเลย ถ้าจะเปลี่ยนข้างตะแคงก็ต้องลุกขึ้นมานั่ง แล้วลงไปนอนใหม่ เอาหมอนยัดใต้ท้อง หาหมอนกอด พอจะเข้าที่ ดันปวดฉิ๊งฉ่องซะนี่ พอปวดแล้วก็เป็นเรื่องเลย ต้องรีบลุกไปเข้าห้องน้ำทันที คืนๆ นึงต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำหลายรอบมาก จนเลิกนับแล้ว แล้วก็หลายคืนทีเดียว ที่อยู่ๆ กลางดึกหายใจเหมือนจะไม่ออก ไม่ทัน จุกไปหมด ต้องลุกมากึ่งนั่งกึ่งนอน พอนั่งแบบนี้แล้วก็ทำให้นอนไม่หลับ เลยเล่นเนทบนมือถือใต้ผ้าห่มซะเลย คือเปิดไฟไม่ได้ฮ่ะ เดี๋ยวทำให้คุณสามีตื่น ฮีจะรมณ์เสียซะเปล่าๆ สงสารด้วย ฮีต้องไปทำงานแต่เช้า (ขอเม้าท์นิ๊สนึง แบบว่าฮีตื่นหกโมงเช้าอาบน้ำ แต่งตัว เตรียมอาหารเช้า (ผงโอ๊ดปั่นกับผลไม้กระป๋อง..แหวะ) ของเค้าเองเสร็จสรรพ ภายในครึ่งชม. หกโมงครึ่งปุ๊ปออกจากบ้านปั๊ป ไม่รู้ทำได้ไง เป็นเราครึ่งชม.นี่แค่พยายามลุกจากเตียง เข้าห้องน้ำ เดินลงไปชั้นล่าง ก็ครึ่งชม.แล้ว)

อาการที่สองที่ตามมาติดๆ จนได้ตำแหน่งสองไปครองคือ ปวดบั้นเอวช่วงล่าง นั่งก็ปวด ยืนก็ปวด นอนก็ปวด แล้วตรูจะทำยังไงดี ลองมันหมดทั้งประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อน หรือแผ่นเย็นมันก็ไม่หาย เลยลองไปนอนแช่น้ำอุ่นดู (อุณภูมิก็แค่ 38-39c) ไม่ร้อนมากค่ะ แค่อุ่นๆ สักสิบนาที ก็พอบรรเทานะ

อันดับสาม อาการล่าสุด ที่เพิ่งสำแดงฤทธิ์เร็วๆ นี้คือ ปวด ไม่รู้ว่ามันเป็นกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็น ตรงง่ามขา ประมาณว่าตอนเข้าช่วงไตรมาสที่สามใหม่ๆ ลุกไปเข้าห้องน้ำไวไปหน่อย รู้สึกว่ากล้ามเนื้อตรงง่ามขามันปวดปี๊ดขึ้นมาทันที ตอนนั้นไอ้เราก็นึกว่า เวรแล้วไง กรูทำกล้ามเนื้อเน่าไปอีกเส้นแล้วหรือนี่ แต่มันก็แค่ปวดตอนก้มตัว  มาช่วงทิตย์นี้นี่ปวดบ่อยขึ้น  โดยเฉพาะวันนี้ ซ่า แอบแวะเดินเข้าเมืองหลังจากฉีดวัคซึนกันหวัด ไปหาซ์้อของขวัญคริสมาสต์ให้คุณสามี เผลอคิดว่าตัวเองโอเค ไหวอยู่ เดินหาของมันสามชม. รวด พอกลับถึงบ้านสักพักเท่านั้นแหล่ะ ปวดง่ามขาแทบตาย ต้องเอากระเป๋าน้ำร้อนประคบอยู่เนี่ย จะลุกไปไหนที นี่แบบว่า ลงไปคลานง่ายกว่านะ

แล้วก็เริ่มจะคันพุงอีกแล้ว  โอ้ พุงใหญ่มากๆ เลยค่า ทั้งๆที่เพิ่งแค่ 33 สัปดาห์เองนะ ใหญ่กว่าคนท้องใกล้จะคลอดซะอีก ยังบ่นกับสามีเลยว่า เอ๊ะ หรือว่าหมอคำนวนวันคลอดไอผิดฟ่ะเนี่ย

ข้อดีอาทิตย์นี้ เก็บกระเป๋าตัวเองและเบบี๋สำหรับไปรพ. เสร็จแล้ว ค่อยโล่งใจหน่อย  มามี๊คนไหนที่ไม่ค่อยแข็งแรง หรือท้องตอนอายุมากแล้ว แนะให้เตรียมตัวช้อป ซื้อของไว้แต่เนิ่นๆ เลยนะคะ เพราะพอใกล้ๆ จะคลอดแล้วเนี่ย จะเหนื่อยง่ายมาก ตอนนี้ก็นานๆ ถึงจะออกจากบ้านสักที เพราะเดินไม่ค่อยไหวแล้วค่ะ

Thursday 1 November 2012

เตรียมของใช้ให้เบบี๋ ตอนไปคลอดที่รพ.

update 14.05.2013 โพสต์นี้มีการปรับกันนิดหน่อยนะคะ เพราะของที่เตรียมกับของที่ใช้จริงๆ หลังผ่าคลอด มันต่างกันจ้า

"ของใช้สำหรับเบบี๋" ที่เอาไปรพ.ด้วยค่า


Nappies
12 อันค่ะ (ไม่ต้องตกใจ ไม่แบกเอาไปทั้งห่อใหญ่ๆ ที่เห็นในรูปหรอกค่ะ) สองห่อนี้ เอาคูปองที่ได้ไปแลกมา "ฟรี" กะเอาไปยี่ห้อล่ะหกอัน ของ Huggies นี่มีเว้าตรงด้านหน้าด้วยนะคะ ออกแบบมาไม่ให้โดนสะดือ ส่วนของ Pampers นี่เพื่อนแนะนำว่ากันซึมได้ดี
ที่เมืองเบสิ่งสโตกนี่ พอลูกคลอดปุ้ป พยาบาลเค้าก็ถามเราเลยว่าแน้ปปี้ของลูกอยู่ไหน (แหม งกจริงๆ ไม่มีแจกฟรีเลยเหรอไง ฮ่าๆ) วันแรกที่คลอดนี่ ดีลันก็ใช้ไปหลายอันอยู่ เราใช้แน้ปปี้ newborn size 1 , อยู่รพ.สองคืนสามวัน ต้องไปงัดเอาแน้ปปี้ที่สำรองไว้ในรถมาใช้อ่ะค่ะ ที่แบกไปไม่พอ ดีลันทำแต้มในการอึและฉี่ได้ดีตามเกณฑ์มาก ใช้ไปจริงๆกี่อันไม่รู้ ณ ตอนนั้นเหนื่อยมาก ไม่มีสติเหลือคอยนับกันเลยค่ะ

Nappy bags
ถุงใส่แน้ปปี้ที่ใช้แล้วค่ะ ซื้อมาจากเทสโก้ ก็จะดึงไปสักหน่อยนึง ไม่แบกไปทั้งห่อเพราะมันหนัก
ได้ใช้ค่ะ แต่จะโยนลงถังที่รพ.เลยก็ได้ ไม่ต้องใส่ถุงให้เมื่อย ให้เปลือง จะไม่เอาไปก็ได้ค่ะ

Cotton wool + Baby wipe
สำลีก้อนนี่จะเอาไปทั้งห่อ เพราะเห็นว่ากันว่าใช้เปลืองมาก ส่วน baby wipe (pampers sensitive ห่อสีขาว) เอาไปเผื่อไว้เฉยๆ กะว่าจะใช้สำลีดูก่อนว่าโอเคไหม
สรุปคือใช้แต่สำลี กับน้ำอุ่นหน่อยๆ เช็ดก้นลูกค่ะ เพราะไม่อยากให้ลูกเป็นผื่น เราเอาสำลีทั้งแบบก้อนและแผ่นไปใช้ (แบบแผ่น นี่ก็เหมือนกับที่เค้าใช้ปาดเครื่องสำอางกันนั่นแหล่ะค่ะ) พอใช้แล้ว แบบแผ่นใช้เช็ดง่ายกว่ามาก แบบก้อนนี่ถูกกว่าแต่ไม่ถนัดมือเลย ปาดได้ไม่หมดจด เลยไม่ได้ใช้ ยังเหลือคาถุงอยู่เลย แต่ไม่ได้ทิ้งค่ะ เก็บไว้กันเหนียว เผื่อเราหาซื้อสำลีแบบแผ่นไม่ได้ หรือมันหมดกะทันหัน ไอ้ก้อนๆนี่ก็แก้ขัดได้

Sudocrem (nappy cream)
เป็นครีมทากันผื่นผ้าอ้อมค่ะ อันนี้เป็นของขนาดตัวอย่างได้มาฟรี กำลังเหมาะเลย จะได้ลองใช้ดู
ใช้มาตั้งแต่ดีลันคลอด จนตอนนี้ที่อัพเดทโพสต์นี่ อายุสี่เดือนกว่าๆแล้ว ดีลันยังไม่เคยมีผื่นผ้าอ้อมเลยค่ะ แจ่มมาก ขนาดตัวอย่างนี่พกเก็บใส่กระเป๋าไว้เลย สะดวกดีตลับเล็กๆ เราเลยไปซื้อกระปุกเล็กมาใช้ที่บ้านกัน ใช้กันมาสี่เดือนกว่าๆแล้ว ยังไม่ถึงครึ่งกระปุกเลยค่ะ ทั้งๆที่เราใช้ทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อม ใช้ได้ดี และคุ้มมาก แนะนำค่ะ

Baby blankets
เอาไปสองผืนค่ะ, ผืนสีฟ้าซื้อมาจากร้าน Gap ตอน Sale นุ่มมาก ยืดหยุ่นด้วย สามารถเอาไปห่อตัวเบบี๋ได้เลย และอีกผืนเป็นแบบ ผ้าห่ม cellular ผ้าห่มแบบโปร่ง คนที่นี่เค้าแนะนำมาค่ะ
ฮ่าๆ แบกไปให้เมื่อย เพราะที่รพ.อุ่นมาก ใส่เสื้อคลุมรพ. ซึ่งบางเฉียบเดินไปทั่วยังไม่หนาวเลยค่ะ และเค้ามีผ้าห่มไว้ห่อตัวให้เบบี๋ค่ะ แนะว่า เอาไปใช้ตอนพาลูกกลับบ้านดีกว่า จะได้ไม่ต้องเปลืองพื้นที่กระเป๋า ขนาดเราจ่ายตังค์อยู่ห้องเดี่ยว ยังหาพื้นที่วางของได้ยากเลย ถ้าอยู่ห้องรวมซึ่งฟรีนี่ ก็ไม่รู้จะสะดวกไหม๊นะคะ

Swaddle fabric
ผ้าห่อตัวเบบี๋โดยเฉพาะ เห็นเค้าว่ากันว่า เบบี๋แรกเกิดชอบให้ห่อตัวแน่นๆ จะได้รู้สึกเหมือนกับว่า ยังอยู่ในท้องแม่ เลยสอยเอามาลองผืนนึง
เซ็งฮ่ะ ไม่ได้ใช้เลย ดีลันไม่ชอบให้ห่อตัว นี่มีอยู่สองผืนก็ไม่ได้ใช้เลย (ใครอยากได้ของมือสองที่แทบจะไม่ได้ใช้เลยนี่ ตามไปสอยกันได้ที่หน้าเพจเฟสบุ้คนะคะ จะเปิดท้ายขายของเบบี๋เร็วๆ นี้)

Towel + washing fabric + muslin fabric + burp cloth + bib
(กองมุมซ้ายบน) ผ้าเช็ดตัวผืนนึง และผ้าอาบน้ำสองผืน เผื่อว่าเค้าให้เราอาบน้ำให้เบบี๋, ผ้าอ้อมสามผืน ไว้สำหรับสารพัดเช็ด, ผ้าพาดบ่า ตอนเบบี๋เรอ ซึ่งจะใช้ผ้าอ้อมแทนก็ได้เหมือนกัน แต่มันลดราคาเลยสอยมาลองใช้ดู และผ้ากันน้ำลายสองผืน
ที่รพ.เค้ามีผ้าต่างๆ ให้เสร็จสรรพ ไม่ต้องเอาไปเองค่ะ ยกเว้นผ้าอ้อม Muslin ซึ่งควรพกไปเองเพราะเค้าไม่มีให้ พกไปหลายๆผืนเลยค่ะ สารพัดประโยชน์ 

ส่วนเรื่องอาบน้ำนี่ เราต้องบอกเค้าให้อาบให้ ก็นู่น วันจะกลับล่ะค่ะ ไม่งั้นดีลันก็จะไม่ได้มีการเช็ดตัวหรืออาบน้ำจนกว่าสะดือจะหลุดกันเลย คิดแล้วหยอง วันแรกที่หอมหัวลูกนี่ ยังเห็นคราบเลือดเกาะบนผมเค้าให้กังอยู่เลยค่ะ

Baby going home outfit 1 set
ชุดใส่กลับบ้าน เป็นลายลูกหมีทั้งเซทเลยค่ะ เพราะแด๊ดดี๊เค้าเรียกลูกเค้าว่า babybear ตั้งแต่เราท้อง มามี๊เลยช่วยหาซื้อลายหมีมาใช้ด้วยเลย  มีหมวกใบ, ผ้ากันน้ำลายผืน, เสื้อแขนยาว กระดุมตรงเป้าแบบไม่มีขากางเกงตัวนึง และกางเกงแบบมีถุงเท้าในตัวลายหมีตัวนึงค่ะ
จินตนาการคนไม่เคยมีลูกค่ะ หรูเชียว ชุดกลับบ้าน ฮ่าๆๆ พอเอาเข้าจริงๆ ชุด sleep suit ที่มีกระดุมด้านหน้านี่เวิร์คสุด ใส่ง่ายด้วย

Hat + baby mittens + socks
เอาไว้ใส่ตอนอยู่รพ. มีหมวกสีแดงใบนึง, ถุงมือสีขาวคู่นึง และก็ถุงเท้าลายเรนเดียร์คู่นึง
หมวกนี่ให้เลือกแบบ 100% cotton จะดีกว่าไหมพรมค่ะ เพราะพอคลอดปุ้ป พยาบาลถามหาหมวกก่อนเลย ได้ใส่ทันใจเลยค่ะ ส่วนถุงมือ ถุงเท้านี่เอาไปเผื่อหลายๆคู่เลยค่ะ อย่างดีลันนี่เล็บยาวเฟี้ยวเลย ต้องใส่ถุงมือตลอด ไม่งั้นฮีข่วนหน้าตัวเองเป็นรอยทั้งวัน

ตอนที่อยู่รพ.ก็ไม่มีเวลาตัดคะ แค่ให้นมกับเปลี่ยนผ้าอ้อมก็เหนื่อยมากๆแล้ว ขนาดกลับมาบ้านก็ใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะกล้าตัดเล็บให้ลูก เพราะกลัวไปตัดโดนนิ้วเค้า เป็นปฏิบัติการเหงื่อตกขั้นเทพมาก ก็ได้ถุงมือนี่ละคะ ช่วยชีวิตไว้ ฮ่าๆๆ

Baby clothes
เอาไว้ใส่ตอนอยู่รพ. เหมือนกัน ชุดสีขาว และชุดลายหมี (sleep suit) แบบยาวกระดุมด้านหน้าสองชุด, ชุดแขนยาว แบบมีแป๊ะตรงเป้าหนึ่งชุด (long sleeve bodysuit), ชุดแขนสั้นแบบมีแป๊ะตรงเป้าสองชุด (short sleeve bodysuit), กางเกงสองตัว ไว้ใส่กับชุดที่ไม่มีขา
ใช้แต่ sleep suit อย่างเดียวเลยค่ะ ใส่ง่ายสุด พกไปหลายๆชุดเลยค่ะ เบบี๋อาจจะฉี่รด แหวะรด เผื่อไว้ดีกว่า

*Bottle and formula milk 
อันนี้ไม่มีรูปค่ะ เพราะยังไม่ได้ตัดสินใจกันว่าจะเอายี่ห้อไหน แต่จะเอาไปสำรอง เผื่อว่าจูนไม่มีน้ำนมให้ลูก  แต่อยากให้นมลูกเองมากค่ะ จะพยายามดูก่อน ถ้าเลี่ยงขวดได้ก็จะเลี่ยงค่ะ
สรุปไม่ได้ใช้เลยค่ะ ให้นมลูกเอง ภูมิใจมากๆ แต่ก็เจ็บมากจนเลือดออกซิบๆกันเลยทีเดียว ก็ได้ครีม Lasinoh หลอดม่วงเขียวช่วยไว้ค่ะ ไม่งั้นก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน ให้นมลูกไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ไว้จะเขียนเรื่องประสบการณ์ การให้นมลูกเองให้ฟังกัน อีกโพสต์ต่างหากนะคะ


แล้วท้ายสุด ขาดไม่ได้เลยคือ ของเล่นต้องมีไว้รับขวัญกันหน่อย  กระต่ายคู่ rattles จาก H&M kid น่ารักมาก แล้วก็น้องหมีถือผ้าห่มอันนึง
ฮ่าๆๆ เปลืองพื้นที่กระเป๋ามาก ไม่ได้ใช้เลย ของล่งของเล่น ลูกมีแต่กินแล้วก็นอน ตาก็แทบไม่เปิด เก็บไว้ที่บ้านดีกว่าค่ะ ไว้เค้าลืมตาได้แล้ว ค่อยเอามาให้เค้าเล่น

เบบี๋แรกเกิดนี่ ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า นม ถ้าแม่ให้นมเองนี่เริ่ดเลยค่ะ แค่เอาเข้าเต้าก็เรียบร้อยแล้ว กินอิ่มนอนหลับ, เบบี๋ต้องการร่างกายที่อบอุ่น ก็เอาเสื้อผ้านุ่มๆ ที่ใส่ง่ายๆไปให้เค้า, ก้นที่แห้งและสะอาด ก็เอาผ้าอ้อมกับสำลีและครีมกันผื่นไปใช้ จริงๆแล้วก็มีแค่นี้เองค่ะที่จำเป็นต้องใช้

มามี๊คนไหนที่ท้อง หรือใกล้คลอดแล้ว ก็ขอให้โชคดีนะคะ ;)
บะบาย ไว้เจอกันใหม่โพสต์หน้าค่า

{ปล. ได้มีโอกาสแตะคอมพิวเตอร์ ก็ตอนลูกอายุสี่เดือนแล้วนั่นล่ะคะ ก่อนหน้านั้นนี่ ถ้าไม่ดูแลลูก ก็นอนอย่างเดียวเลย ฮ่าๆๆๆ เลยต้องมาตามอัพเดทโพสต์เก่าๆ กันซะที}



Tuesday 30 October 2012

หน้าตาโรงพยาบาลที่จะไปคลอด


โรงพยาบาลที่เมืองเบสิ่งสโตก รูปนี้คือด้านหน้าตึกสำหรับคนท้องเลยค่ะ

โรงพยาบาลที่อังกฤษ เท่าที่เคยเห็นมานี่ไม่ทันสมัยเลยนะ ตึกจะดูเก่าๆ วังเวง ซอมซ่อมาก แต่ด้านในสะอาดนะคะ ไม่มีกลิ่นฉุนของน้ำยาทำความสะอาดเลย แล้วรพ.นี้ก็ไม่เหม็นกลิ่นฉี่ด้วย รพ.ที่นี่จะเปิดทำการทุกแผนกวันธรรมดา เสาร์อาทิตย์ห้ามป่วย ฮ่าๆๆ คือไม่ช่าย วันหยุดจะไม่มีพนักงานต้อนรับ จะมีก็แต่หมอ พยาบาลเข้าเวรซึ่งน้อยกว่าวันธรรมดาเยอะ และจะเจอได้ก็ต้องนัดไว้เท่านั้น ขนาดแผนกฉุกเฉินมาถึงยังต้องรอหมอ เซ็งกันไปเลยทีเดียว โดยรวมคือ คิดถึงรพ.เมืองไทยค่ะ เสียดายไม่รู้มาก่อนว่าระบบของที่นี่จะเป็นแบบนี้ ไม่งั้นจะแบกท้องไปคลอดเมืองไทย

Sunday 28 October 2012

What's in my changing bag! กระเป๋าผ้าอ้อมลูกรัก

What in my changing bag!

กระเป๋านี่ได้มาฟรีจากการสมัครสมาชิกคลับของร้านบูธ Boots ค่ะ (ใบสวยๆก็มีแต่สามีไม่ช่วยถือเพราะหวานแหว๋วเกินไป) เลยต้องจำใจใช้ใบนี้แหล่ะ ในรูปนี่เป็นของที่แบก ตอนดีลันอายุต่ำกว่า 6 เดือนนะคะ เด็กเล็กต่ำกว่าหกเดือนนี่ ควรพกเสื้อผ้าสำรองและผ้าอ้อมสักสามสี่อันไปด้วย เพราะจะอึฉี่กันบ่อยค่ะ โอกาสทะลุทะลวงสูง บางทีป๊าดทะลุผ้าอ้อมไปเกือบถึงหัวก็มีนะ

คอร์สคุณแม่มือใหม่ NCT class

นี่คือเพื่อนๆกลุ่ม NCT ค่ะ ต้องเบลอคนอื่นๆและเบบี๋ด้วยเพราะลงบล็อคโดยไม่ได้บอกเค้า เดี๋ยวโดนฟ้องค่ะ ฮ่าๆๆ
ได้ลูกชายกันเจ็ดคู่ค่ะ มีได้ลูกสาวแค่คนเดียว

วันนี้จะมาเล่าเรื่อง "NCT คอร์สคุณแม่มือใหม่" (Antenatal class) คอร์สหาเพื่อนท้องร่วมรุ่นของคนอังกฤษ ให้ฟังกันค่ะ เผื่อมามี๊คนไหนสนใจจะไปร่วมแจมกับเค้าบ้าง เท่าที่รู้มา ยังไม่เคยได้ยินคนไทย (ที่รู้จัก) ที่อังกฤษนี่ (หรือแม้แต่ในเฟสบุ้ค) ไปร่วมแจมคอร์สแบบนี้กันเลยนะ สงสัยจะเป็นสไตล์ของคนอังกฤษเค้า

คอร์สโดยรวมก็จะแจกแจงถึงวิธีและขั้นตอนของการคลอดว่าควรทำอย่างไร (คือ อ่านเอาจากหนังสือก็ได้เหมือนกัน แถมละเอียดกว่าด้วย) แต่เหตุผลหลักๆที่คนไม่ได้เอ่ยถึงก็คือ การได้เพื่อนใหม่ที่ท้องไล่เลี่ยกันนั่นเอง คนอังกฤษยอมเสียตังค์ลงคอร์สนี่ก็เพราะอยากได้เพื่อนหัวอกเดียวกัน ที่อยู่ใกล้ๆกัน มาไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน  ส่วนราคาค่าคอร์สแพงคะ เราจ่ายไป £191 (เกือบๆ 9,000* กว่าบาทเลยนะนั่น) สามียอมจ่ายเพราะอยากได้เพื่อนใหม่ๆ นี่ล่ะคะ คนสอนก็พูดได้เนือย น่าเบื่อมาก ส่วนตัวแล้วแอบงีบบ่อยๆ เวลาชีพูดซะด้วยซ้ำ คอร์สที่เราไปแจมนี่ มีอยู่ทั้งหมด 8 คู่ค่ะ ท้องสัปดาห์ไล่เลี่ยกัน กำหนดคลอดก็ธันวาคมเหมือนกัน เป็นคนอังกฤษซะส่วนใหญ่ มีอินเดียคู่นึง แล้วก็เราซึ่งเป็นคู่ผสม โดยคอร์สจะแบ่งเป็น 6 คอร์สย่อย สามเสาร์ สามอังคารตอนเย็น

คอร์สแบบฟรีก็มีนะคะ แบบวันเดียวจบ (รู้ เพราะไปแจมมาแล้วด้วย ลงมันหมดล่ะคะ งก) แต่คนที่ไปเข้าคอร์สส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกวัยรุ่นท้องก่อนเรียนจบ ไม่งั้นก็กลุ่มคนที่มีเวลาว่างไม่มาก เพราะว่ามันฟรีไงคะ แล้วก็ไม่มีใครอยากรู้จักใคร เค้าแค่ไปแจมๆฟังๆเอาเนื้อหากัน ประมาณนั้น แต่ถ้าใครสนใจของฟรีก็ตามลิงค์นี่เลยค่ะ  NHS Antenatal class

*คำนวนเงินปอนด์คูณ 50


Friday 26 October 2012

อาการคนท้อง 32 สัปดาห์

32 weeks pregnant

ท้องแรกตอนอยู่อังกฤษ มันช่างท้าทายซะเหลือเกิน มีกันแค่สองคนคือเรากับสามีเท่านั้น สัปดาห์ที่ผ่านมา รอบตาคล้ำเป็นแพนด้ากันเลยค่ะ นอนไม่พอ ขนาดได้เตียงมาครอบครองคนเดียวแล้ว มีหมอนหกใบล้อมกายยังกะอยู่ในฮาเล็ม ก็ยังไม่วายนอนไม่หลับ เพราะท้องโย้ๆ ที่โตขึ้นทุกวัน แถมเริ่มย้อยลงต่ำแล้วด้วย พลิกตัวทีเจ็บระบมท้องไปหมด ต้องเอามืออุ้มไว้ ก่อนหน้านี้ยังสามารถนอนพลิกจากด้านซ้ายไปขวาได้ ตอนนี้ทำไม่ได้แล้วค่ะ ถ้านอนตะแคงก็ปวดไหล่ สีข้างช้ำ ถ้าอยากย้ายข้างนอนก็ต้องลุกขึ้นมาก่อนแล้วค่อยนอนลงไปใหม่ พอเริ่มเคลิ้มๆ เหมือนจะหลับ ดั้นปวดฉี่ซะงั้น กำ! จริงๆ จะไม่ลุกไปเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้ เพราะพอปวดแล้วต้องเข้าห้องน้ำทันที

แถมอาการแพ้ท้องตอนเย็น evening sickness กลับมาเยือนอีกแล้ว ทั้งเจ็บคอ ปวดขา ปวดหลัง เจ็บๆ ระบมที่ท้องน้อย หายใจไม่พอ เวียนหัว และที่แย่ที่สุดคือ อาการท้องแข็ง แบบว่าแข็งเป็นหินทั่วทั้งท้องเลย ยืนก็ไม่หาย นอนก็ไม่หาย เดินก็ไม่หาย ถ้านั่งนี่หนักเลยค่ะ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ ก็ต้องสลันนั่ง เดิน นอนกันไป ดีหน่อยก็ตรงที่ลูกดิ้นแรงได้ใจจริงๆ เตะที หมุนที ทำเอาเราท้องโย้ไปข้างเลย ถึงจะเจ็บบ้างเพราะเค้าเตะแรงมาก แต่ก็ยังยิ้มได้เพราะลูกดิ้น คือลูกแข็งแรงดี ถ้าไม่ดิ้นนี่สิ อิแม่จะประสาทเสียเอา เพราะงั้นดิ้นไปเถอะค่า ลูกขา มามี้ยอม :)